หนังชนโรง: Transformers: The Last Knight


แม้จะประกาศว่าไม่กำกับอีกแล้ว
แต่จนถึงป่านนี้คงไม่มีใครเชื่อคำพูดของ ไมเคิล เบย์
เพราะในที่สุดเจ้าตัวก็ยังกลับมาทำหน้าที่ผู้กำกับหนังหุ่นแปลงร่างซึ่งปาเข้าไปเป็นภาคที่
5 แล้ว
แน่นอนสำหรับติ่งของเฮียเบย์คงพอใจกับเครื่องหมายการค้าไม่ว่าจะเป็น
การถ่ายภาพเคลื่อนกล้อง 360 องศา, แอ็คชั่นสโลว์โมชั่น,
การตัดต่อภาพทุกสามวินาที, ฉากแอ็คชั่นวินาศสันตะโร ประมาณระเบิดภูเขาเผาตึก
และขาดไม่ได้กับช็อตเท่ ๆ ภาพย้อนแสงที่ตัวละครสำคัญจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนหยัด จนอดคิดไม่ว่าได้ถ้าเป็นคนอื่นมากำกับต่อ อาจมี
Vision ใหม่ ๆ ให้ได้เห็น เพราะห้าภาคนี่ก็ชินตาแล้ว แต่อีกใจก็อยากให้เฮียเขากำกับต่อไป
เพราะคงไม่มีใครรู้จักรู้ใจหนังเรื่องนี้เท่ากับเฮียเบย์
ใน The Last Knight เฮียเบย์ยังคงจัดเต็มแบบแพ็คเก็จ
เพราะมีทั้งฉากสงครามยุคอัศวินอาเธอร์, ฉากต่อสู้เล็ก ๆ กับพวกนาซี
และฉากสำคัญสงครามระหว่างออโตบ็อทส์กับดิเซ็ปติคอนส์ที่คราวนี้เกาะอังกฤษไม่รอด
เมื่อดูผลงานย้อนหลังจนถึงตอนนี้ เฮียเบย์ก็จัดเป็นผู้กำกับที่ชอบทำลายล้าง Landmark
สำคัญ
ๆ ตัวพ่อกับเขาเหมือนกัน
(ตำแหน่งคนทำหนังหายนะของโรแลนด์ เอ็มเมอริชมีคู่แข่งแล้ว) แต่ที่เห็นจะต่างออกไปจากภาคก่อน ๆ
คือการเปลี่ยนทิศทางของหนังโดยให้ความสำคัญของมนุษย์ที่อยู่ในเรื่องมากกว่าหุ่นยนต์
(ภาคก่อน ๆ มนุษย์เป็นแค่ตัวประกอบมากกว่าจะเป็นตัวละครนำ) หลาย ๆ
สถานการณ์ในหนังจึงเป็นเรื่องมนุษย์ที่ต้องหาทางทำภารกิจ
และก็น่าจะเป็นความตั้งใจที่คราวนี้ผู้นำแห่งออโตบอทส์ อ็อพติมัส
ไพรม์ โดนลดบทบาทและเปลี่ยนเป็นตัวร้าย (แต่จะเพราะอะไรไปดูในหนังกันเอาเอง)
และก็ดันบับเบิลบีมาเป็นตัวเด่นในภาคนี้ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลทางการตลาดที่ต้องการปูทางก่อนนำไปสู่หนังแยกเดี่ยวของบับเบิลบีในปีหน้า
ในขณะเดียวกันบรรดาไดโนบอทส์ในภาคก่อนก็ถูกลดบทบาทจนกลายเป็นตัวประกอบไปด้วยเหมือนกัน
มาร์ค วอห์ลเบิร์ก กลับมารับบทเดิม เคด เยเกอร์ ที่คราวนี้กลับมาในลุคหนุ่มมาดเซอร์ เรื่องแอ็คชั่นพี่มาร์คของเรายังเป็นที่ไว้ใจได้
พอ ๆ กับออร่าของความเป็นพระเอกที่เรียกร้องให้คนดูยืนเคียงข้าง
ครั้งนี้คนดูมีโอกาสได้เห็นมุมละครหลังข่าวจากเคด แบบหนุ่มห้าวสาวหยิ่ง
ซึ่งดูจะเป็นอะไรที่แปลกตาไปจากเดิม
ล่าสุดพี่มาร์คประกาศว่านี่คือภาคสุดท้ายของตนแล้ว
และตนเองเกลียดการไว้ผมยาวมาก ๆ แต่อย่าเพิ่งถอดใจอะไรก็เป็นไปได้หมดในฮอลลีวู้ด
เซอร์แอนโธนี ฮ็อปกินส์ เป็น เซอร์เอ็ดมุนด์ เบอร์ตัน คงอยากเพิ่มเครดิตหนังบล็อกบัสเตอร์ในประวัติการทำงานอีกสักเรื่อง สำหรับปู่ฮ็อปกินส์ (ผลงานในเครดิต Thor, Mission: Impossible 2, The Mask of Zorro, Dracula, The Silence of the Lambs, Hannibal, Red Dragon) ปู่สวมบทเป็นเซอร์เอ็ดมุนด์ได้เนียนตา ดูมีชีวิตชีวา และทรงอำนาจเมื่อจำเป็น นี่คือตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ ‘แถ’ เหตุผลกับคนดูว่า เหล่าทรานฟอร์เมอร์สอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของโลกใบนี้มาโดยตลอด รวมไปถึงเหตุการณ์ในภาค 1-4 อีกด้วย
เซอร์แอนโธนี ฮ็อปกินส์ เป็น เซอร์เอ็ดมุนด์ เบอร์ตัน คงอยากเพิ่มเครดิตหนังบล็อกบัสเตอร์ในประวัติการทำงานอีกสักเรื่อง สำหรับปู่ฮ็อปกินส์ (ผลงานในเครดิต Thor, Mission: Impossible 2, The Mask of Zorro, Dracula, The Silence of the Lambs, Hannibal, Red Dragon) ปู่สวมบทเป็นเซอร์เอ็ดมุนด์ได้เนียนตา ดูมีชีวิตชีวา และทรงอำนาจเมื่อจำเป็น นี่คือตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ ‘แถ’ เหตุผลกับคนดูว่า เหล่าทรานฟอร์เมอร์สอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของโลกใบนี้มาโดยตลอด รวมไปถึงเหตุการณ์ในภาค 1-4 อีกด้วย
ตัวละคร ผู้พัน วิลเลียม เล็นนอกซ์ ของ จอช ดูฮาเมล
ที่ในภาคสี่หายหน้าไป กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในภาคนี้ เป็นตัวละครที่กลับมาโดยไม่ได้บอกกับคนดูว่าหายไปไหน
แต่กลับมาคราวนี้ผู้พันเล็นนอกซ์ย้ายฟากไปตามล่าพวกออโตบ็อทส์แทนซะงั้น
หน้าใหม่ในภาคนี้ประกอบด้วย ลอรา แฮ็ดด็อกเป็น วิเวียน เว็มบลีย์ เรียกได้ว่าเป็นนางเอกประจำภาคนี้เลย
แคแร็กเตอร์วิเวียนมีดีกรีเป็นระดับด็อกเตอร์จากอ๊อกฟอร์ด เก่งกีฬา หุ่นดี
แต่ไม่มีแฟน แต่มีประวัติบางอย่างเกี่ยวพันกับอัศวินโต๊ะกลมและทรานส์ฟอร์เมอร์สในอดีต เคมีระหว่างพี่มาร์คกับน้องลอรามีให้ได้ลุ้นเล็ก
ๆ
แฮดด็อกเคยมีผลงานก่อนหน้านี้คือการรับบทแม่ของสตาร์ลอร์ดใน Guardians
of the Galaxy
อิซาเบลลา โมเนอร์ เป็น อิซาเบลลา เด็กสาววัยทีนที่พ่อแม่ถูกพวกดิเซปติคอนส์ฆ่าตาย เธอสามารถสื่อสารและช่วยซ่อมแซมให้พวกออโตบอทส์ได้อีกด้วย จึงเปรียบเสมือนผู้ช่วยของเคด
อิซาเบลลา โมเนอร์ เป็น อิซาเบลลา เด็กสาววัยทีนที่พ่อแม่ถูกพวกดิเซปติคอนส์ฆ่าตาย เธอสามารถสื่อสารและช่วยซ่อมแซมให้พวกออโตบอทส์ได้อีกด้วย จึงเปรียบเสมือนผู้ช่วยของเคด
เจอร์ร็อด คาร์ไมเคิล เป็น จิมมี่ ตัวละครภาคบังคับที่ต้องมีในหนังทุกภาค
มีไว้เพื่อทำหน้าที่ 1.ชงมุกฮา (ส่วนจะปังหรือแป้กก็ว่ากันไป) 2.วิ่งหนีกระสุนไปบ่นไป
ตัวละครหน้าเก่าจากภาคก่อน ๆ ที่กลับมาปรากฏตัว แสตนลีย์ ทุคชี เป็น
เมอร์ลิน ซึ่งไม่ได้มีนัยยะอะไรกับ โจชัวร์ ตัวละครที่ทุคชีแสดงในภาคก่อน
Age of Extinction
จอห์น เทอร์เทอร์โร เป็น เอเจนท์ ซิมมอนส์ หัวหน้าหน่วยงานเซ็คเตอร์ 7 ที่ถูกยุบไป การปรากฏตัวอีกครั้งของเอเจนส์ซิมมอนส์ที่ทำให้แฟนประจำหายคิดถึง
และมาเรียกเสียงฮา (รึเปล่า?)
ใครที่ดูก็คงต้องตามดูกันอีกภาคจนได้
รอบที่ผู้เขียนไปดูก็คนเกือบเต็มโรงหนัง (ดูรอบเช้า 10.30 น.)
แถมพอออกมาก็เห็นโรงหนังเต็มไปด้วยคนที่มารอดูรอบถัด ๆ ไป มั่นใจได้เลยว่า The Last Knight ติดอันดับหนังทำเงินเกินร้อยล้านบาทในบ้านเราแน่
(แต่จะไปแตะที่เท่าไรก็ไปลุ้นกันอีกที) แต่โดยความเห็นส่วนตัว ผู้เขียนคิดว่า The Last Knight เป็นงานที่ตระการตา ยิ่งใหญ่ในส่วนทุนสร้างและฉากแอ็คชั่น แต่มันว่างเปล่าในแง่ความสนุกชวนติดตามเหมือนที่ภาคก่อน ๆ เคยมี
ท้ายเอ็นทรี่ ผู้เขียนแถมรีวิวภาคก่อน ๆ ในแบบ Time line ให้ผู้อ่านได้นึกย้อนกัน จะเห็นได้ว่า หนังมันขัดแย้งกันชอบกลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ถือว่าแลกเปลี่ยนมุมมองก็แล้วกันครับ
สถานการณ์มักเป็นตัวกำหนดความสำคัญของบุคคล
แต่การกระทำของบุคคลนั้นจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าบุคคลนั้นสำคัญกับสถานการณ์เหล่านั้นหรือไม่ ท้ายเอ็นทรี่ ผู้เขียนแถมรีวิวภาคก่อน ๆ ในแบบ Time line ให้ผู้อ่านได้นึกย้อนกัน จะเห็นได้ว่า หนังมันขัดแย้งกันชอบกลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ถือว่าแลกเปลี่ยนมุมมองก็แล้วกันครับ
หุ่นยนต์ใน Transformers: The Last Kinght
Autobots



Decepticons & Creators

Transformers: The Last Knight (2017) Directed: Michael Bay/Starring: Mark Wahlberg, Josh Duhamel, Stanley Tucci, Anthony Hopkins, Luara haddock, Isabela Moner, John Turturro/Screenplay: Art Marcum, Matt Holloway, Ken Nolan/Story: Akiva Goldsman, Art Marcum, Matt Holloway, Ken Nolan/Based on Transformers by Hasbro/Music: Steve ablonsky/Director of Photography: Jonathan Sela/Edited: Mark Sanger, John Refoua Adam Gerstel/Distributed: Paramount Pictures/Running time: 149 Mins./Rated: PG-13
ขอบคุณที่มาข้อมูล:
IMDb, Wikipedia, Youtube, Rotten Tomatoes, UIP Thailand
Timeline ชวนมึนตึ้บกับ Transformers
ตัวละครเซอร์เอ็ดมุนด์ เบอร์ตัน ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพยายามล้างประวัติศาสตร์สับสนและยุ่งเหยิงหนัง Transformers ตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคล่าสุด ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ลองมาดูกัน และเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ผู้เขียนขออนุญาตใช้คำย่อดังนี้
AB = Autobots ออโตบอทส์ หุ่นยนต์ฝ่ายพระเอก DC = Dicepticons ดิเซปติคอนส์ หุ่นยนต์ฝ่ายผู้ร้าย และ CT = Creators เหล่าผู้สร้าง
Transformer (2007) เป็นครั้งแรกที่คนดูได้ทำความรู้จักกับเหล่า AB หุ่นยนต์ฝ่ายดี และ DC หุ่นยนต์ตัวร้าย ทั้งสองฝ่ายเดินทางมาสู่โลกโดยมีเป้าหมายคือตามหาออลสปาร์ค กล่องพลังงานอันมหาศาล แซม วิทวิกกี้ เป็นคนพบบับเบิลบีก่อนจับพลัดจับผลูกับมิเคล่าได้เจอกับออพติมัส ไพรม์ (พร้อม ๆ กับคนดู) เข้าไปอยู่ในสงครามหุ่นยนต์ และคนดูก็พบว่าเคยมีการเก็บซากเอเลียนส์ต่างดาวและแช่แข็งไว้ซึ่งนั่นก็คือ เมกาตรอน จนในที่สุดโลกก็เริ่มรู้เลา ๆ ว่ามีหุ่นยนต์ต่างดาวลงมาที่โลก แต่รัฐบาลพยายามปิดข่าว
Transformer (2007) เป็นครั้งแรกที่คนดูได้ทำความรู้จักกับเหล่า AB หุ่นยนต์ฝ่ายดี และ DC หุ่นยนต์ตัวร้าย ทั้งสองฝ่ายเดินทางมาสู่โลกโดยมีเป้าหมายคือตามหาออลสปาร์ค กล่องพลังงานอันมหาศาล แซม วิทวิกกี้ เป็นคนพบบับเบิลบีก่อนจับพลัดจับผลูกับมิเคล่าได้เจอกับออพติมัส ไพรม์ (พร้อม ๆ กับคนดู) เข้าไปอยู่ในสงครามหุ่นยนต์ และคนดูก็พบว่าเคยมีการเก็บซากเอเลียนส์ต่างดาวและแช่แข็งไว้ซึ่งนั่นก็คือ เมกาตรอน จนในที่สุดโลกก็เริ่มรู้เลา ๆ ว่ามีหุ่นยนต์ต่างดาวลงมาที่โลก แต่รัฐบาลพยายามปิดข่าว
Transformers: Revenge of the Fallen (2009) มาถึงในภาคสองที่กลายเป็นต้นแบบที่หนังจะต้องเล่าเรื่องราวในอดีตก่อนเข้าเส้นเรื่องหลัก คราวนี้ไปเกิดขึ้นในยุคสร้างพิรามิด เดอะ ฟอลเล็นคืออาจารย์ของเมกาตรอนที่ลงมาบนโลกและใช้แรงงานมนุษย์สร้างพิรามิดเพื่อดึงพลังงานแสงอาทิตย์จากเอ็นเนอยอนมาครอบครองโลก แต่ถูกเหล่าไพรม์ทั้งเจ็ดขัดขวาง และซุกซ่อนแมททริกซ์แห่งผู้นำไว้ในตำนาน คราวนี้คนดูเลยพบว่า AB และ DC เคยลงมาแล้วเมื่อ 17,000 ปีก่อนคริสตกาล พอหนังกลับสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน แซมกับมิเคลลาถูก DC ตามล่าเพราะแซมมีกุญแจนำไปสู่เอนเนอยอนได้ ทีนี้เลยไปเกี่ยวกับตำนานโบราณของอียิปต์ และเหตุผลว่าทำไมยอดพิรามิดถึงหายไป และยังจำได้ไหมว่าพวกแซมไปที่พิพิธภัณฑ์เครื่องบินโบราณ แล้วเจอ ดีวาสเตเตอร์ DC โบราณที่ปลอมเป็นเครื่องบินB52 ผู้ที่รู้เรื่องราวของเดอะฟอลเลนเป็นอย่างดี แสดงว่า AB และ DC ก็เคยอยู่ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1-2 ด้วยอีกนะ
Transformer: Dark of
the Moon (2011) ภาคที่สามเปิดตัวในปี
1961 ด้วยเหตุการณ์ลงสัมผัสดวงจันทร์เป็นครั้งแรกของ นีล อาร์มสตรอง
กับยานอพอลโล 11 แต่แท้จริงแล้วมีปฏิบัติการลับแฝงไว้คือ การพยายามปกปิด เดอะ อาร์ค ยานเอเลียนส์
ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นของ AB
และภายในยานนั้นมี เซนติเนล ไพรม์ ผู้นำคนก่อนหน้าออพติมัส ไพรม์
ซึ่งในที่สุดก็ถูกปลุกขึ้นมาในเวลาปัจจุบัน ก่อนที่ทั้งหมดจะพบว่า เซนติเนล ไพรม์ สมคบคิดกับ
เมกาตรอนเพื่อเปลี่ยนโลกมนุษย์ให้เป็นดาวจักรกลแบบไซเบอร์ตรอน โดยใช้แท่งเสาทั้งหมดที่อยู่ในเดอะ อาร์ค
เป็นประตูเชื่อมมิติ แซมเปลี่ยนแฟนใหม่เป็นคาร์ลี่
ซึ่งเป็นเลขาฯของนักธุรกิจ ไดแลน ซึ่งเป็นมนุษย์ฝ่ายร้าย และไดแลนได้บอกว่าตระกูลเขารับใช้
DC มาหลายชั่วอายุคนแล้ว (อ้าว!) ทีนี้กลายเป็นว่า DC ก็คงมาโลกมนุษย์ตลอดเวลาสิ
Transformers: Age of Extinction (2014) แต่ที่เหวอมากที่สุดก็คือฉากเปิดต้นเรื่องที่บอกเล่าว่า เมื่อ 65 ล้านปีก่อน ได้เคยมีเหล่าผู้สร้างเดินทางมายังโลกและทดลองทิ้งระเบิดเพื่อเปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นจักรกล เลยทำให้มีพวก AB รุ่นดึกดำบรรพ์ที่แปลงร่างจากไดโนเสาร์ คราวนี้หนังก็เริ่มไปไกล นอกเหนือไปจาก AB และ DC ตอนนี้เพิ่มเหล่าผู้สร้างมาอีกนำทีมโดย ล็อกดาวน์ ซึ่งไม่ได้เป็นทั้งฝ่าย AB หรือ DC และคนดูก็พบว่าผู้สร้างคือคนที่สร้างทั้ง AB และ DC ซึ่งเป็นเรื่องที่อ็อพติมัส ไพรม์ไม่เคยรู้มาก่อน ตอนท้ายคนดูเลยเห็นออพติมัส ไพรม์เดินทางสู่ห้วงอวกาศเพื่อตามหาผู้สร้าง
Transformers: Age of Extinction (2014) แต่ที่เหวอมากที่สุดก็คือฉากเปิดต้นเรื่องที่บอกเล่าว่า เมื่อ 65 ล้านปีก่อน ได้เคยมีเหล่าผู้สร้างเดินทางมายังโลกและทดลองทิ้งระเบิดเพื่อเปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นจักรกล เลยทำให้มีพวก AB รุ่นดึกดำบรรพ์ที่แปลงร่างจากไดโนเสาร์ คราวนี้หนังก็เริ่มไปไกล นอกเหนือไปจาก AB และ DC ตอนนี้เพิ่มเหล่าผู้สร้างมาอีกนำทีมโดย ล็อกดาวน์ ซึ่งไม่ได้เป็นทั้งฝ่าย AB หรือ DC และคนดูก็พบว่าผู้สร้างคือคนที่สร้างทั้ง AB และ DC ซึ่งเป็นเรื่องที่อ็อพติมัส ไพรม์ไม่เคยรู้มาก่อน ตอนท้ายคนดูเลยเห็นออพติมัส ไพรม์เดินทางสู่ห้วงอวกาศเพื่อตามหาผู้สร้าง
บทความต่อไปนี้จำเป็นต้องเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของ Transformers: The Last Knight ถ้าไม่ต้องการทราบรายละเอียดในหนังเพื่ออรรถรสในการชม โปรดกลับมาอ่านภายหลัง
Transformers: The
Last Knight (2017) มาถึงภาคล่าสุด
หนังเปิดเรื่องใน ค.ศ. 484 ยุคอัศวินของกษัตริย์อาเธอร์ ที่ทำสงครามกับพวกเคลท์
และมีชัยได้เพราะพลังของ AB คราวนี้หนังเลยไปเกี่ยวกับตำนานของพ่อมดเมอร์ลิน ส่วนออพติมัส ไพรม์เดินทางไปพบผู้สร้าง
ซึ่งกลายเป็นว่าสถานที่นั้นคือดาวไซเบอร์ตรอน ดาวบ้านเกิดที่แปรเปลี่ยนเป็นรกร้าง
ออพติมัส ไพรม์ไม่เข้าใจว่าทำไมดาวบ้านเกิดของตนจึงกลายสภาพเป็นแบบนี้
แต่คนเขียนบทอาจลืมไปว่า ตอนที่ออพติมัส ไพรม์เดินทางมาโลก
เขาก็รู้ดีอยู่แล้วว่าดาวไซเบอร์ตรอนสูญสลายไปแล้ว และเหล่าอัศวิน AB ในอดีตก็แอบเอาคธาศักดิ์สิทธิ์หนีมาซ่อนไว้ที่โลกให้พ้นจากเงื้อมมือของ
ควินน์เทสซา ผู้สร้าง AB และ DC แผนการร้ายของควินน์เทสซาคือเปลี่ยนโลกมนุษย์ให้กลายเป็นไซเบอร์ตรอน
(อีกแล้ว)
เฮียเบย์เป็นคนเข้าไปบอกกับ แบรด เกรย์ ซีอีโอของพาราเมาท์ว่าเฟรนไชส์นี้มาสุดซอยแล้ว
และถ้าจะไปต่อคือต้องทุ่มเงินหลายล้านเหรียญเพื่อสร้างทีมเขียนบทขึ้นมา
จะไม่มีการเขียนบทหนังเสร็จแล้วออกกองถ่ายอีกต่อไป นั่นทำให้ อากิวา โกลด์สแมน
เป็นหัวหน้าพร้อมทีมเขียนบทอีก 14
คนร่วมกันสร้างจักรวาลทรานส์ฟอร์เมอร์สขึ้นมา
จนเกิดข่าวลือกันว่า มีบทหนังมากถึง 14 เรื่อง! ซึ่งมี 2-3
เรื่องที่ถูกผสมผสานจนกลายเป็นบทหนัง The Last Knight อย่างที่เห็น
บทหนังนำเดี่ยวของบับเบิลบี (ที่จะออกฉายในปี 2018) และแอนิเนชั่นที่เล่าเรื่องราวเมื่อ
14,000 ปีก่อน การกำเนิดดาวไซเบอร์ตรอน

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น