ท่องทะเลล่าขุมทรัพย์กับ กัปตันแจ็ก
สแปร์โรว์
Pirates of
the Caribbean Franchise

หนังที่ไอเดียเริ่มต้นจากธีมปาร์คในดีสนีย์แลนด์ที่ชื่อ Pirates
of the Caribbean ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ทุนสร้างสูงโดยผู้สร้างสายฟ้าผ่าต้นไม้
เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ แรกเริ่มหนังถูกปรามาสว่าจะกลายเป็นงานตำน้ำพริกละลายลงทะเลเนื่องเพราะหนังเกี่ยวกับท้องทะเลเป็น
‘ยาขม’ สำหรับฮอลลีวู้ดมาโดยตลอด และนำมาซึ่งคำสาปแห่งหายนะแก่ผู้สร้าง (Waterworld,
In the Heart of the Sea, By the Sea)
แต่คำสาปนั้นกลับไม่มีผลต่อหนังโจรสลัดค่ายดีสนีย์ แถมยังทำให้มันกลายเป็นหนังเฟรนไชส์ภาคต่ออันทรงคุณค่าของดีสนีย์ไปเสียด้วยซ้ำไป
เฟรนไชส์โจรสลัด (นับถึงภาค 4) ยังทำรายได้ทั่วโลกมากกว่า 4,000 ล้านเหรียญ
จึงไม่น่าแปลกใจกับการที่สตูดิโอพยายามเข็นภาค 5 หรือภาคต่อ ๆ
ไปตามออกมา
ส่วนหนึ่งของความสำเร็จมาจาก 3 ประสาน ได้แก่ เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์
ผู้สร้างที่มองการณ์ไกล, กอร์
เวอร์บินสกี้ ผู้กำกับที่วางรากฐานของหนังโจรสลัดแห่งคาริบเบียน และ
จอห์นนี่ เด็ปป์ นักแสดงชายที่เล่นใหญ่กับแคแรกเตอร์ แจ็ก สแปร์โรว์
จนกลายเป็นหนึ่งในภาพจำ และติดตัวเด็ปป์มาจนทุกวันนี้ นอกจากเด็ปป์ที่ทำหน้าที่เรียกแขกแล้ว หนังยังได้นักแสดงที่กำลังมาแรง
(ในช่วงเวลานั้น) ออแลนโด บลูม ที่กำลังดังจากหนังแหวนครองพิภพ และ เคียรา
ไนท์ลีย์ เจ้าแม่หนังพีเรียด ที่สร้างเคมีเข้ากันในหนัง แต่ต้องไม่ลืม จอฟฟรีย์ รัช นักแสดงขายฝีมือที่ทำให้บทกัปตันเฮ็คเตอร์
บาร์บอซซา กลายเป็นตัวร้ายที่น่ารักสำหรับคนดู
ภาพปะทะคารมกันระหว่างแจ็กกับเฮ็คเตอร์
ที่เป็นคู่รักคู่แค้นตลอดกาลของหนังเรื่องนี้
The Curse of the Black Pearl (2003) Directed: Gore Verbinski
อลิซาเบธ สวอนน์ลูกสาวของข้าหลวงอังกฤษถูกโจรสลัดเฮคเตอร์
บาร์บอซซาจับตัวไว้ วิล
เทอร์เนอร์จึงหาทางช่วยแจ็ก สแปร์โรว์ให้พ้นจากการจับกุม โดยมีข้อตกลงร่วมกันตามล่าเรือแบล็กเพิร์ลที่บาร์บอซซาชิงมาจากแจ็ก
แต่ที่มันยากเย็นคือบาบอซซาและกลาสีทั้งหมดเปลี่ยนตัวเองเป็นโครงกระดูกได้เพราะครอบครองเหรียญทองต้องสาป
นอกจากความสนุกครบรสไปกับการผจญภัย ซีจีกองทัพโครงกระดูกเดินได้แล้ว
การแสดงแบบเล่นใหญ่ของจอห์นนี่ เด็ปป์ ที่ทำให้ตัวละครอย่างกัปตันแจ็ก สแปร์โรว์
เข้าไปนั่งในใจคนดู ทั้ง ๆ ที่เมื่อพิจารณาแล้วกัปตันแจ็กหาส่วนดีแทบไม่ได้เลย
เป็นกัปตันเรือที่กลาสีไม่น่าจะฝากชีวิตไว้ได้ เอาตัวรอด เจ้าเล่ห์ แต่ลึก ๆ
แล้วมีความดีซุกซ่อนอยู่
ซึ่งถ้าไม่ใช่เด็ปป์บางทีกัปตันแจ็กอาจจะไม่ได้ออกมาดีเช่นนี้
Dead Man’s Chest (2006)
Driected: Gore Verbinski
เดวี่ โจนส์ แห่งเรือฟลายอิ้งดัชท์แมน
กลับมาทวงสัญญากับแจ็ก สแปร์โรว์ ที่เขาจะต้องตกเป็นทาสของโจนส์ไปชั่วชีวิต
แจ็กจึงต้องหาทางรอดให้ได้ โดยขอความช่วยเหลือจากวิล เทอร์เนอร์ และ อลิซาเบธ
สวอนน์ ขณะเดียวกับลอร์ดคัทเลอร์
บัคเก็ทท์ ผู้นำกองเรือแห่งบริษัทอีสต์อินเดีย เทรดดิ้ง ต้องการกำจัดเหล่าโจรสลัดให้หมด
โดยมุ่งหวังจะครอบครองหีบแห่งวิญญาณซึ่งจะสามารถใช้ควบคุมเดวี โจนส์ได้
หีบแห่งวิญญาณตกอยู่ในมือของลอร์ดคัทเลอร์ บัคเก็ทท์
ทำให้เขาสามารถควบคุมเดวี่ โจนส์ไว้ได้ และสั่งการให้ทำลายล้างเหล่าโจรสลัดให้หมด ทำให้ภาคีแห่งโจรสลัดทั้ง 7
คาบสมุทรต้องร่วมมือกัน และกุญแจสำคัญคือการตามหาแจ็ก
สแปร์โรว์ที่หายสาบสูญไปกลับมาก่อนที่ทุกอย่างจะสู่หายนะ
หนังภาคต่อที่ กอร์
วอร์บินสกี้กลับมาสานต่อด้วยการสร้างรวดเดียวภาค 2 และ 3 ที่คราวนี้เล่นใหญ่ (มาก)
พร้อมกับเนื้อหาที่เริ่มวุ่นวายไปหมด ตัวละครเยอะ เอฟเฟ็คก็มากจนล้น
นักแสดงหลายต่อหลายคนถูกใช้แบบเสียของ (หนึ่งในนั้นคือเฮียโจวเหวินฟะที่ไม่รู้จะมาทำไม)
แต่ในที่สุดเวอร์บินสกี้ก็สามารถสรุปเรื่องราวได้อย่างน่าประทับใจ
เหมือนว่ามันจะปิดฉากแล้วสำหรับการผจญภัยของกัปตันแจ็ก
แต่ฝันไปเถอะเพราะหนังทิ้งท้ายไว้ถึงการตามหาน้ำพุแห่งเยาว์วัย
ซึ่งนั่นคือการผจญภัยเดี่ยวของกัปตันแจ็กในภาค 4
On Stranger Tides (2011)
Directed: Rob Marshall
ภาคที่สี่ซึ่งเป็นเรื่องราวนำเดี่ยวของแจ็ก สแปร์โรว์ ตามหาน้ำพุแห่งเยาว์วัย ทำให้ตนเองต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับโจรสลัดแบล็คเบียร์ด
นางเงือก และคนรักเก่า แองเจลิกา
หนังภาคนี้เปลี่ยนมือผู้กำกับมาเป็น ร็อบ มาร์แชลล์
ที่มีเครดิตหนังเพลงบรอดเวย์ Chicago ซึ่งนั่นพิสูจน์ได้ว่า
มาร์แชลล์ไม่ใช่ตัวเลือกที่ใช่ในหนังโจรสลัดแบบนี้
มันจึงทำให้ทุกอย่างดูผิดที่ผิดทาง ยังไม่นับการพยายามสร้างตัวละครที่เหมือนเป็นร่างทรงของ
วิล เทอร์เนอร์ และ อลิซาเบธ สวอนน์ กับรักอมตะของเขาและเธอ
Salazar’s Revenge (Dead Men Tell No Tales) (2017)
Directed: Joachim Rønning, Espen
Sandberg
(อ่านรายละเอียดใน หนังชนโรง:
Pirates of the Caribbean: Salazar’s
Revenge)
ตารางรายรับของเฟรนไชส์ Pirates of the Caribbean ทั้ง 5 ภาค (Salazar's Rebenge เป็นรายได้ถึง ณ 27/05/2017) แสดงทุนสร้างของหนังแต่ละภาค เพื่อเปรียบเทียบกับรายได้ในตลาดอเมริกาเหนือ, ตลาดต่างประเทศ และรายได้รวมทั่วโลก ซึ่งจะเห็นได้ว่า ภาคที่ใช้ทุนสร้างมากที่สุดคือ At World's End ส่วนภาคที่ทำรายได้มากที่สุดในตลาดรวมทั่วโลก คือ Dead Man's Chest ภาคที่ทำรายได้น้อยที่สุด The Curse of the Black Pearl
ส่วนตารางที่สอง แสดงให้เห็นอันดับหนังทำเงินตลอดกาลทั่วโลก ซึ่งจะเห็น The Curse of the Black Pearl หลุดโผ 100 อันดับแรก ตกไปอยู่อันดับที่ 104 ส่วนอันดับสูงสุดคือ 21 เป็นของ Dead Man's Chest
นอกจากนี้ยังรวบรวมสถิติคะแนนจากเว็ปไซต์ IMDb ที่ให้คะแนนเต็ม 10 The Curse of the Black Pearl ได้มากถึง 8.0 คะแนน เช่นเดียวกับเว็ปมะเขือเทศ Rotten Tomatoes ได้มะเขือเทศถึง 79% ส่วนภาคที่เหลือไม่มีภาคไหนได้มะเขือเทศเลย เช่นเดียวกับ On Stranger Tides ที่ได้คะแนนจาก IMDb เพียง 6.7 เท่านั้นเอง
ในตอนต่อไปจะเป็นการพาไปพบกับภาคล่าสุด Salazar's Revenge ขอได้โปรดติดตาม
ขอบคุณที่มาข้อมูล:
IMDb, Wikipedia, Youtube, Rotten Tomatoes, Walt Disney Thailand,
Pirates.disney.com
ขอบคุณที่มาภาพประกอบ: MovieWeb, Digital Spy,
ClickTheCity,
monkeysfightingrobots.com,
Cosmic Book News,
thesun.co.uk,
neogaf.com,
youtube.com,
Screen Rant,
Collider, The Atlantic,
CinemaBlend,
Hypable, dailytelegraph.com.au,
Disney.com, blogs.disneylatino.com, planetpulp.dk, Fernby
Films, fanpop.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น