สงครามแค้นโจรสลัดไร้ชีพ
หลังจากภาคก่อน On Stranger Tides เป็นภาคที่ดูแย่ที่สุดในเฟรนไชส์ มาถึงภาคล่าสุด Salazar's Revenge (หรือ Dead Men Tell No Tales ชื่อที่ออกฉายในอเมริกา) ซึ่งถือเป็นการกลับมาเข้าที่เข้าทางสำหรับกัปตันแจ็ก สแปร์โรว์
เฮนรี่ เทอร์เนอร์ ออกตามล่าทุกตำนานในท้องทะเลเพื่อหาทางล้างคำสาปให้แก่พ่อของตนเอง
วิล เทอร์เนอร์ กัปตันเรือแห่งฟลายอิ้งดัทซ์แมน
เฮนรี่ได้พบกับ คารินา สมิธท์ หญิงสาวที่มีความสามารถด้านดาราศาสตร์
ซึ่งเป็นคนที่จะตามช่วยเฮนรี่ตามหาตรีศูลแห่งโพไซดอน ซึ่งสามารถล้างคำสาปทั้งมวลในคาบสมุทรได้
จนกระทั่งเขาได้พบกับกัปตันซาลาซาร์ วิญญาณร้ายผู้คลั่งแค้นแจ็ก
สแปร์โรว์ที่เป็นสาเหตุให้พวกของตนจบชีวิต และออกตามล่าแจ็ก และเพื่อให้การเดินทางนี้เป็นจริงได้ จำเป็นต้องพึ่งแจ็ก สแปร์โรว์ ที่ในยามนี้ตกอับ
ไร้โชค และถูกตามล่าโดยกัปตันซาลาซาร์ เนื่องเพราะแจ็กคือคนที่ทำให้ซาลาซาร์และลูกเรือจบชีวิตกลายเป็นคนตายเดินได้ ทั้งหมดจึงออกผจญภัยร่วมกันเพื่อตามหาตรีศูลแห่งโปไซดอน

เมื่อครั้งที่ The Curse of the Black Pearl (2003)
ออกฉายเส้นกราฟของ จอห์นนี่ เด็ปป์
ขึ้นสู่จุดสูงสุด การสร้างสรรค์แคแร็กเตอร์แบบเล่นใหญ่ แจ็ก สแปร์โรว์ ของเด็ปป์เป็นไปในระดับตำนานก็ว่าได้
ซึ่งนั่นทำให้คนดูรักที่จะเห็นเด็ปป์เปลี่ยนตัวเองเป็นตัวละครพึลึก แต่เมื่อ On Stranger Tides (2011)
กลับกลายเป็นช่วงขาลงของเด็ปป์เหมือนกัน
คนดูเริ่มเอียนกับบุคลิกเพี้ยน ๆ ในหนังที่เด็ปป์แสดง แถมด้วยเรื่องเตียงหัก
ถูกฟ้องค่าเลี้ยงดูของเด็ปป์ จึงไม่น่าแปลกที่เจ้าตัวต้องกลับมาให้กัปตันแจ็กช่วยกู้ชีวิต
และก็น่าจะเป็นผลสำเร็จ และในหนังมีการเล่าถึงก่อนจะเป็นกัปตันเรือโจรสลัดของแจ็ก
สแปร์โรว์ ด้วยเมคอัพและซีจี คนดูจะได้เห็นแจ็ก
สแปร์โรว์วัยรุ่นที่เด็ปป์แสดงเอง
ตัวร้ายประจำภาคนี้ตกเป็นของ ฆาเวียร์ บาร์เด็ม ในบทกัปตันซาลาซาร์
ด้วยยี่ห้อของบาร์เด็มที่เคยสร้างสรรค์ตัวร้ายเด่น ๆ มาแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นคู่ปรับบอนด์ในตอน Skyfall หรือ ฆาตกรหน้านิ่งใน No Country for Old Men จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับบาร์เด็มเพียงแต่ว่าคงไม่ใช่ระดับขึ้นหิ้งเท่านั้น
บาร์เด็มได้บทตัวร้ายนี้โดยบังเอิญจากการแวะเวียนไปหาหวานใจของตัวเอง
เฟเลโลปี ครูซ เมื่อครั้งแสดงในตอน On Stranger Tides
ครั้งก่อนคนดูได้เห็น เบรนตัน ทเว็ทส์ เข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามเทพเจ้าอียิปต์ใน God of Egypt (2016) มาคราวนี้ทเว็ทส์ต้องไปพัวพันกับสงครามโจรสลัดแทน บท เฮนรี่ เทอร์เนอร์ ของทเว็ทส์ในครั้งนี้ก็ไม่สามารถสร้างควมแตกต่างได้จากบทในหนังเรื่องก่อน เพียงแต่ว่าทเว็ทส์ในหนังโจรสลัดดูลงตัวกว่าทเว็ทส์ในหนังเทพอียิปต์
คายา สโคเดลาริโอ เป็น คารินา สมิธท์ นางเอกของภาคนี้ที่เหมือนถอดแบบมาจาก เบลล์ใน Beauty and the Beast ซึ่งน่ากลายเป็นพิมพ์นิยมของดิสนีย์ไปแล้ว ประเภทสาวเจ้าที่แปลกแยกจากสังคม ชอบใฝ่หาความรู้ จนถูกตราหน้าว่าเป็นแม่มด แต่ตัวเธอเองมีหลักการ จุดยืน เชื่อมั่นในตัวเอง และพร้อมจะเผชิญโลกกว้าง ถัดจากนี้คือผลงานที่คนดูรอคอยกับภาคต่อของ The Maze Runner: The Death Cure
จอฟฟรีย์ รัช กลับมารับบทเดิม กัปตันเฮ็คเตอร์ บาร์บอซซา ที่ในภาคนี้เป็นช่วงขาขึ้นสุด ๆ มีกองเรือของตนเอง แถมยังมีเส้นเรื่องที่ทำให้คนดูได้เห็นมุมอันอ่อนโยนของโจรสลัดเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้ การปะทะคารมกันของแจ็กกับเฮ็คเตอร์ยังคงสร้างสีสัน และเป็นเสน่ห์ของเฟรนไชนส์นี้เสมอ นั่นเพราะการแสดงที่เข้ากั๊นเข้ากันระหว่างเด็ปป์และรัชนั่นเอง
ออร์แลนโด บลูม ที่พักหลังไม่ค่อยมีผลงานเข้าตา กลับมารับเชิญในบทเดิม กัปตันวิล เทอร์เนอร์ แห่งเรือฟลายอิ้งดัทซ์แมน ส่วนหวานใจ อลิซาเบธ สวอนน์ ของ เคียรา ไนท์ลีย์ กลับมาด้วยหรือไม่ ตามไปลุ้นกันเอาเองในหนัง
ภายใต้การกำกับของ โจอาชิม รอนนิง และ เอสเพ็น แซนด์เบิร์ก สองผู้กำกับจากนอร์เวย์ ที่มีผลงานหนังเกี่ยวกับทะเลมาก่อนอย่าง Kon-Tiki (มีแผ่นออกมาขายนานแล้ว สนใจลองหามาดูได้ครับ) ทำให้หนังสนุก ลื่นไหล ไม่เยอะจนล้นเหมือน At World's End (2007) หรือเนือยจนน่าเบื่อเหมือน On Stranger Tides (2011) แต่ปัญหาเดียวของหนังในมุมมองผู้เขียนคือ ดูแล้วมันไม่รู้สึกว่านี่คือหนังของแจ็ก สแปร์โรว์ แต่เป็นมีแจ็ก สแปร์โรว์ในหนังของตัวละครอื่นมากกว่า
บางทีอาจต้องโทษบทหนังของ เจฟฟ์ นาธานสัน ให้ความสำคัญกับทุกตัวละครและมีเส้นเรื่องของตนเอง จนเหมือนลืมไปว่านี่คือหนังที่มีตัวเอกคือ แจ็ก สแปร์โรว์ จนกระทั่งฉากไคลแม็กซ์ท้ายเรื่อง กัปตันแจ็กของเราก็ยังถูกตัวละครอื่นแย่งซีนสำคัญไปเสียอีก ให้มันได้อย่างนี้สิน่า
นี่คืองานหนังภาคต่อที่ทำได้ดีกว่าภาคที่แล้ว แต่จะเป็นที่ถูกอกถูกใจของคนดูมากน้อยแค่ไหน คงต้องไปพิสูจน์กันเอง
เฮนรี่ เทอร์เนอร์ มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยพ่อของตนเองให้พ้นคำสาป เช่นเดียวกับ คารินา สมิธท์ ที่มีจุดยืนในการออกเดินทางค้นหาตามบันทึกของพ่อที่ไม่เคยพบหน้า ทั้งสองมีสิ่งที่เหมือนกันนั่นคือ ความมุ่งมั่น และจุดยืนที่ชัดเจนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เราก้าวไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้
คายา สโคเดลาริโอ เป็น คารินา สมิธท์ นางเอกของภาคนี้ที่เหมือนถอดแบบมาจาก เบลล์ใน Beauty and the Beast ซึ่งน่ากลายเป็นพิมพ์นิยมของดิสนีย์ไปแล้ว ประเภทสาวเจ้าที่แปลกแยกจากสังคม ชอบใฝ่หาความรู้ จนถูกตราหน้าว่าเป็นแม่มด แต่ตัวเธอเองมีหลักการ จุดยืน เชื่อมั่นในตัวเอง และพร้อมจะเผชิญโลกกว้าง ถัดจากนี้คือผลงานที่คนดูรอคอยกับภาคต่อของ The Maze Runner: The Death Cure
จอฟฟรีย์ รัช กลับมารับบทเดิม กัปตันเฮ็คเตอร์ บาร์บอซซา ที่ในภาคนี้เป็นช่วงขาขึ้นสุด ๆ มีกองเรือของตนเอง แถมยังมีเส้นเรื่องที่ทำให้คนดูได้เห็นมุมอันอ่อนโยนของโจรสลัดเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้ การปะทะคารมกันของแจ็กกับเฮ็คเตอร์ยังคงสร้างสีสัน และเป็นเสน่ห์ของเฟรนไชนส์นี้เสมอ นั่นเพราะการแสดงที่เข้ากั๊นเข้ากันระหว่างเด็ปป์และรัชนั่นเอง
ออร์แลนโด บลูม ที่พักหลังไม่ค่อยมีผลงานเข้าตา กลับมารับเชิญในบทเดิม กัปตันวิล เทอร์เนอร์ แห่งเรือฟลายอิ้งดัทซ์แมน ส่วนหวานใจ อลิซาเบธ สวอนน์ ของ เคียรา ไนท์ลีย์ กลับมาด้วยหรือไม่ ตามไปลุ้นกันเอาเองในหนัง
ภายใต้การกำกับของ โจอาชิม รอนนิง และ เอสเพ็น แซนด์เบิร์ก สองผู้กำกับจากนอร์เวย์ ที่มีผลงานหนังเกี่ยวกับทะเลมาก่อนอย่าง Kon-Tiki (มีแผ่นออกมาขายนานแล้ว สนใจลองหามาดูได้ครับ) ทำให้หนังสนุก ลื่นไหล ไม่เยอะจนล้นเหมือน At World's End (2007) หรือเนือยจนน่าเบื่อเหมือน On Stranger Tides (2011) แต่ปัญหาเดียวของหนังในมุมมองผู้เขียนคือ ดูแล้วมันไม่รู้สึกว่านี่คือหนังของแจ็ก สแปร์โรว์ แต่เป็นมีแจ็ก สแปร์โรว์ในหนังของตัวละครอื่นมากกว่า
บางทีอาจต้องโทษบทหนังของ เจฟฟ์ นาธานสัน ให้ความสำคัญกับทุกตัวละครและมีเส้นเรื่องของตนเอง จนเหมือนลืมไปว่านี่คือหนังที่มีตัวเอกคือ แจ็ก สแปร์โรว์ จนกระทั่งฉากไคลแม็กซ์ท้ายเรื่อง กัปตันแจ็กของเราก็ยังถูกตัวละครอื่นแย่งซีนสำคัญไปเสียอีก ให้มันได้อย่างนี้สิน่า
นี่คืองานหนังภาคต่อที่ทำได้ดีกว่าภาคที่แล้ว แต่จะเป็นที่ถูกอกถูกใจของคนดูมากน้อยแค่ไหน คงต้องไปพิสูจน์กันเอง
เฮนรี่ เทอร์เนอร์ มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยพ่อของตนเองให้พ้นคำสาป เช่นเดียวกับ คารินา สมิธท์ ที่มีจุดยืนในการออกเดินทางค้นหาตามบันทึกของพ่อที่ไม่เคยพบหน้า ทั้งสองมีสิ่งที่เหมือนกันนั่นคือ ความมุ่งมั่น และจุดยืนที่ชัดเจนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เราก้าวไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้
Pirates of the
Caribbean: Salazar’s Revenge (2017) Directed: Joachim
Rønning, Espen Sandberg/Starring: Johnny Depp, Javier Bardem, Brenton
Thwaites, Kaya Scodelarion, Geoffrey Rush/Screenplay: Jeff
Nathanson/Story: Jeff Nathanson, Terry Rossio/Based on Pirates of the
Caribbean by Walt Disney Characters by Ted Elliott, Terry Rossio, Stuart
Beattie, Jay Wolpert/Music: Geoff Zanellli/Director of Photography:
Paul Cameron/Edited: Roger Barton, Leigh Folsom Boyd/Distributed:
Walt Disney Studios Motion Pictures/Running time: 129 Mins./Rated:
PG-13
Trailer: https://www.youtube.com/watch?v=96HMK_gtVoQ by Walt Disney Thailand
ขอบคุณที่มาข้อมูล:
IMDb, Wikipedia, Youtube, Rotten Tomatoes, Walt Disney Thailand,
Pirates.disney.com
ขอบคุณที่มาภาพประกอบ: MovieWeb, Digital Spy,
ClickTheCity,
monkeysfightingrobots.com,
Cosmic Book News,
thesun.co.uk,
neogaf.com,
youtube.com,
Screen Rant,
Collider, The Atlantic,
CinemaBlend,
Hypable, dailytelegraph.com.au,
Disney.com,
blogs.disneylatino.com, planetpulp.dk,
Fernby Films,
fanpop.com